รู้จักการขนส่ง “เคมีภัณฑ์” ต้องใช้รถขนสารเคมีแบบไหน...จึงปลอดภัย?

Thursday - 13/11/2025

ในอุตสาหกรรมเคมี “รถขนสารเคมีภัณฑ์” ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบโลจิสติกส์ เพราะขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความรอบคอบสูงสุด — หากเกิดการรั่วไหลหรืออุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบต่อชีวิต สิ่งแวดล้อม และชื่อเสียงขององค์กรได้ทันที

ดังนั้น การเลือกรถขนสารเคมีที่ เหมาะสมและได้มาตรฐานความปลอดภัย จึงเป็นหัวใจสำคัญของการขนส่งที่คุณไม่ควรมองข้าม

วันนี้ เกียรติธนา ขนส่ง จะพาทุกคนมารู้จักกับ

  • ประเภทของรถขนสารเคมีภัณฑ์
  • มาตรฐานที่รถทุกคันต้องมี
  • ข้อควรระวังเพื่อให้ทุกการขนส่ง “ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในทุกกิโลเมตร”

ประเภทของ “รถขนสารเคมีภัณฑ์” ที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย

1. รถบรรทุกสารเคมีเหลว (Chemical Tank Truck)

เหมาะสำหรับการขนส่งของเหลวทางเคมี เช่น กรด ด่าง น้ำมัน หรือสารละลาย ตัวถังผลิตจากวัสดุทนการกัดกร่อน เช่น สแตนเลสเกรด 316L หรืออลูมิเนียมอัลลอย พร้อมระบบป้องกันแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือน วาล์วระบายแรงดัน และซีลกันรั่ว เพื่อความปลอดภัยสูงสุดระหว่างเดินทาง

2. รถบรรทุกวัตถุอันตราย (Hazard Chemical Truck)

ใช้สำหรับขนส่งวัตถุอันตราย (HazMat Class 1 - 9) เช่น วัตถุไวไฟ สารพิษ หรือสารออกซิไดซ์ รถต้องติดตั้ง ป้ายเตือนอันตราย (Hazard Placard) และ ระบบ GPS แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งและสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที

นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ต้องผ่านการอบรมและมี ใบอนุญาตขับขี่ขนส่งวัตถุอันตราย (Dangerous Goods License) ตามข้อกำหนดของกรมขนส่งทางบก

3. รถขนส่งสารเคมีแห้ง (Dry Chemical Truck)

เหมาะสำหรับสารเคมีในรูปผงหรือเม็ด เช่น ผงเรซิน ผงโพลีเมอร์ ปูนเคมี หรือแคลเซียมคาร์บอเนต ตัวถังต้องปิดสนิท เพื่อป้องกันการรั่วและการฟุ้งกระจายของผงเคมี พร้อมระบบ Pneumatic System (ระบบลม) สำหรับโหลดสินค้าเข้า-ออกโดยไม่สัมผัสอากาศ ลดความเสี่ยงจากการระเบิดหรือการปนเปื้อน

การจำแนกประเภทวัตถุอันตราย (HazMat Class)

Class 1 - วัตถุระเบิด เช่น LPG, พลุ, วัตถุระเบิดต่างๆ
Class 2 - ก๊าซ เช่น LPG, แอมโมเนีย, ก๊าซไนโตรเจน
Class 3 - ของเหลวไวไฟ เช่น เบนซิน, ทินเนอร์, ตัวทำละลาย
Class 4 - ของแข็งไวไฟ เช่น ฟอสฟอรัส, ซัลเฟอร์
Class 5 - สารออกซิไดซ์ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
Class 6 - สารพิษ / สารติดเชื้อ เช่น โซเดียมไซยาไนด์, เมอร์คิวรี
Class 7 - สารกัมมันตรังสี เช่น ยูเรเนียม
Class 8 - สารกัดกร่อน เช่น กรดซัลฟิวริก, โซดาไฟ
Class 9 - วัตถุอันตรายอื่นๆ เช่น ลิเธียมแบตเตอรี่

การเข้าใจประเภทของสารเคมีแต่ละหมวด จะช่วยให้เลือกใช้รถและระบบขนส่งได้อย่างเหมาะสมกับลักษณะสินค้า

มาตรฐานความปลอดภัยที่รถขนสารเคมีต้องมี

รถขนส่งเคมีภัณฑ์ต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตเฉพาะทาง ได้แก่

  • ใบอนุญาตขนส่งวัตถุอันตราย จากกรมการขนส่งทางบก
  • ระบบ GPS และกล้องวงจรปิด สำหรับติดตามและตรวจสอบเหตุฉุกเฉิน
  • ถังบรรทุกผ่านการรับรอง จากหน่วยงานกลาง เช่น สมอ. หรือกรมโรงงานอุตสาหกรรม
  • เอกสารกำกับสารเคมี (MSDS) ติดรถทุกเที่ยว เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับมือได้ทันในกรณีฉุกเฉิน
  • อุปกรณ์ความปลอดภัยประจำรถ เช่น ถังดับเพลิง, ชุด PPE, ชุดปฐมพยาบาล

ข้อควรระวังในการขนส่งสารเคมี

แม้จะมีมาตรฐานความปลอดภัยแล้ว แต่ขั้นตอนการปฏิบัติก็สำคัญไม่แพ้กัน

  • ห้ามบรรทุกเกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด เช่น รถบรรทุกสารเคมีเหลวไม่เกิน 25 ตัน, รถขนส่งสารเคมีแห้ง บรรทุกได้ราว 25 ตัน หรือรถขนส่งวัตถุไวไฟไม่เกิน 22 ตัน เป็นต้น
  • ห้ามขนส่งสารเคมีต่างชนิดกันในคันเดียว
  • เลือกเส้นทางที่ได้รับอนุญาตและหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชน
  • มีระบบตรวจวัดอุณหภูมิและแรงดัน โดยเฉพาะในสารไวไฟ
  • ห้ามจอดพักใกล้แหล่งน้ำหรือพื้นที่เสี่ยงปนเปื้อน

รู้หรือไม่? รถขนส่งเคมีภัณฑ์ “ออกแบบเฉพาะ” ตามชนิดของสาร

ไม่ว่าจะเป็นสารไวไฟ สารกัดกร่อนหรือสารเป็นพิษ รถแต่ละประเภทต้องถูกออกแบบให้เหมาะสม เช่น 

  • รถขนสารไวไฟ ต้องมี “ระบบป้องกันประกายไฟ (Anti-static Grounding)”
  • รถขนสารกัดกร่อน ต้องบุภายในด้วย “วัสดุป้องกันการรั่วซึม”
  • รถขนสารพิษ ต้องมี “ระบบระบายอากาศเฉพาะทาง”

พร้อมทั้งต้องตรวจสอบสภาพรถก่อนและหลังการขนส่งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการตกค้างของสารที่อาจเกิดปฏิกิริยากับสารใหม่ในรอบถัดไป

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: รถขนส่งเคมีภัณฑ์ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานใด?
    A: ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และปฏิบัติตามมาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
Q: สามารถขนส่งสารเคมีหลายชนิดในรถคันเดียวได้ไหม?
    A: ไม่ได้ เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่เสี่ยงต่อการระเบิดหรือรั่วไหล
Q: รถขนส่งเคมีต้องตรวจสภาพบ่อยแค่ไหน?
    A: ควรตรวจเช็กก่อนออกเดินทางทุกครั้ง และตรวจใหญ่ปีละ 1 ครั้ง

ความปลอดภัยคือ “หัวใจ” ของการขนส่งเคมีภัณฑ์

การขนส่งสารเคมีไม่ใช่แค่การขนย้ายสินค้า แต่คือการบริหาร “ความเสี่ยง” ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งด้านรถ อุปกรณ์ และบุคลากร รถที่ใช้ต้องได้รับอนุญาต ออกแบบเฉพาะ และผ่านการตรวจสภาพก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมหรือโรงงานเคมีที่ต้องการขนส่งอย่างปลอดภัย ได้มาตรฐาน และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

เกียรติธนา ขนส่ง เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านขนส่งวัตถุอันตรายที่ได้รับใบรับรอง ISO และใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก พร้อมประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมเคมีโดยตรง

เพราะเราเชื่อว่า “ความปลอดภัย” ไม่ใช่แค่ทางเลือก
แต่คือ “ความจำเป็น” สำหรับทุกการขนส่ง